เว็บไซต์​ ดร.สมชาย​ หาญ​หิรัญ​ ช่องทางอีกช่องทางหนึ่งในการแลกเปลี่ยนความคิด ความรู้และข่าวสารครับ

thzh-CNenja

นักเศรษฐศาสตร์ 99 คน ลงชื่อ ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีทบทวนโครงการแจกเงินคนละ 10,000 บาท

 

นักเศรษฐศาสตร์ มือหนักๆ ของประเทศ 99 คน ลงชื่อ ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีทบทวนโครงการแจกเงินคนละ 10,000 บาท รวมๆ แล้ว 5.6 แสนล้านบาท เพราะจะสร้างต้นทุนต่อสังคม และเศรษฐกิจในภาพรวมนั้น มหันต์ยิ่งนัก

ในมุมมองของเศรษฐศาสตร์นั้น การแจกเงิน ให้กับประชาชนทุกคนนั้นจะสามารถกระตุ้นการบริโภค ในระบบเศรษฐกิจได้อย่างแน่นอน เพราะใส่ไปขนาดนั้น ไม่ทำให้ GDP ขยับก็ให้มันรู้ไป จะมากจะน้อยนั้นก็ว่ากันไปตามตัวคูณนโยบายที่ถกเถียงกันกันได้ไม่หยุด …. ขยับแน่ๆ เร็วด้วย แต่จะอยู่ไม่นาน เพราะมันคือการบริโภค

แต่อีกด้านของเหรียญ สิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นก็คือ ผลกระทบ ต่อระบบเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น อัตราเงินเฟ้อ ที่จะสูงขึ้น การคาดการณ์ ของตลาดเงินและตลาดทุนที่จะผลักให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการ และ ค่าเงินที่จะอ่อนลง รวมทั้ง หนี้สาธารณะของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้น และจะเป็นภาระ ในระยะยาว รวมทั้งสร้างแรงกดดันและข้อจำกัดให้กับระบบงบประมาณในอนาคต เพราะไม่ว่ามันจะมาจากไหน อ้อมไปทางไหน แต่มันก็คือหนี้ของรัฐบาล นอกจากจะแอบพิมพ์ใหม่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหน สุดท้ายก็จะอาจนำลากประเทศเข้าสู่ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่น่ากลัวทั้งในระยะสั้นระยะยาวโดยไม่จำเป็น … ต้องเข้าใจว่าโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี

แต่หากมองในมุมการเมืองนั้น ถ้าท่านนายกรัฐมนตรี ไม่เดินหน้าโครงการนี้ ผมว่าต้นทุนของท่านสูงมาก ทั้งจากแฟนคลับที่รอเงินก้อนนี้ทั้งจากฝ่ายค้านที่จะรอรุมยำท่าน กระแหนะกระแหน่ และหยิบยกขึ้นมาประจาน ไม่รู้จักจบสิ้นตลอดยุคของท่าน และจะไปเปิดประเด็นทางการเมือง ในเรื่องท่านไม่ทำตามสัญญากับประชาชน เข้าใจความลำบากทางการเมืองครับเพราะไม่ว่าเดินต่อก็โดนด่าและพาประเทศเข้าสู่ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ แต่ถ้าไม่ทำก็จะพาพรรคการเมืองของท่านเข้าสู่ความเสี่ยงในการเลือกตั้งคราวหน้า … การหากระไดลงในเรื่องนี้ไม่ยาก แต่ต้นทุนทางการเมืองสูง

ณ ทางแยกนี้ ผมหนักใจแทนท่านนายกฯ เพราครั้งนี้นี้เส้นแบ่งระหว่างการเป็นรัฐบุรุษกับทรราชทางเศรษฐกิจก็ช่างบางเบาและคลุมเคลือมากเหลือเกิน

ผมเห็น ใจท่านนายกรัฐมนตรีจริงๆ วันนี้ท่านน่าจะหาใครสักคนหนึ่ง ที่เข้าใจเศรษฐศาสตร์และระบบเศรษฐกิจอย่างลึกซึ้งมาช่วยท่าน สื่อสารกับประชาชน สังคม ให้เข้าใจชัดๆ สักที เพราะที่ผ่านมานั้น ว่ากันคนละทาง 2 ทาง แถมบางที คนเดียวกันพูดสองครั้งก็ไม่เหมือนกัน มันดูสับสนอลหม่านดีแท้ เอาสักคนหนึ่ง ที่ท่านคิดว่าเขาคือ มือเศรษฐกิจมหภาคมาคุยทีเหอะ ไม่งั้นจะเละยิ่งกว่านี้ครับ

ดังนั้นผมค่อนข้างสบายใจ ที่มีข่าวว่าความคิดของท่านนายกฯ กับผู้ว่าแบงค์ชาตินั้น ยังมี ความไม่ลงรอยกันเท่าไหร่นัก ซึ่งผมถือว่าเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะถ้าเมื่อไหร่ก็ตามผู้ว่าแบงค์ชาติผู้ดูแลนโยบายการเงินและรัฐบาลผู้ดูแลนโยบายการคลัง เห็นดีเห็นงาม และลากกันไปในทิศทางเดียวกันในเรื่องนี้ละก้อ ... ผมจะหวาดเสียวกว่านี้ครับ