เว็บไซต์​ ดร.สมชาย​ หาญ​หิรัญ​ ช่องทางอีกช่องทางหนึ่งในการแลกเปลี่ยนความคิด ความรู้และข่าวสารครับ

thzh-CNenja

การตลาดทางการเมือง

การตลาดทางการเมือง ก็ไม่ต่างกับการตลาดขายสินค้าทั่วไปละครับ สิ่งที่เขาต้องการก็คือขายความเชื่อมั่นทั้งตนเองและนโยบาย ให้กับลูกค้าเพื่อยอมควักคะแนนเสียงมอบให้ นโยบายเหล่านี้อาจจะแตกต่างจากสินค้าทั่วไปก็ตรงที่ว่าคุณภาพของนโยบายอาจจะวัดได้ยาก บ่อยครั้งจับต้องไม่ได้ และยิ่งกว่านั้นก็ไม่การันตีว่าคนขายนโยบายจะส่งมอบให้ได้ตามที่เราต้องการหรือไม่ ถ้าไม่ส่งมอบแล้วโวยใครก็ไม่ได้ หรือแม้แต่บางทีก็อาจจะทำตามที่พูด แต่คุณภาพที่ได้ก็วัดได้ยากเหลือเกิน หรือบางทีวัดไม่ได้เลย และที่แย่กว่านั้นก็คือหากคุณภาพไม่ดี ก็คืนสินค้าได้ยากเหลือเกิน
 
นอกจากนี้กลยุทธ์ที่ใช้ก็เปลี่ยนแปลงไปตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของตัวเอง เรียกว่าให้ถึงพริกถึงขิงถึงใจแบบไม่ต้องเกรงใจกลุ่มอื่นที่ยังไงก็ไม่ซื้อสินค้าเรา และที่เห็นในการห้ำหั่นทางการเมืองกันในครั้งนี้ก็คือกลยุทธ์ทางการตลาดที่เรียกว่า polarization marketing คือแบ่งขั้วให้ชัดเจน โดยเราจะเป็นคนแบ่งและสร้างศัตรูอีกขั้วขึ้นมาพร้อมด้วยสารพัดกลยุทธ์ในการด้อยค่าอีกฝ่ายหนึ่ง กลยุทธ์แบบนี้ไม่ใช่เพียงแค่สร้างความแตกต่างให้กับตัวเองในตลาดแล้วยังเป็นการป้องกันไม่ให้ลูกค้าของเราไปซื้อสินค้าคนอื่น เพราะหากลูกค้าของเราไปซื้อสินค้าอีกขั้วหนึ่ง ลูกค้าเราจะมีต้นทุนที่สูงมากโดยเฉพาะการดูถูก เหยียดหยาม ก่นด่า ด้อยค่า จากสมาชิกของกลุ่ม ดังนั้นเราเลยเห็นกลยุทธ์การสร้างศัตรูขึ้นมาและด้อยค่าศัตรูนั้น ทั้งหมดก็เพื่อให้ดูดี และลูกค้าเราไม่กล้าไปเลือกคู่แข่ง
 
บางรายทำอะไรไม่รู้ แต่ ถ้าเกลียดลุง เลือกเรา ... เอากันง่ายๆ แบบนี้แหละ กลยุทธ์การตลาดแบบเก่าๆ ประเภทโปรโมทว่าของเราดีนั้น ดีนี่ บริการเราเยี่ยม แบบเดิมๆ มีให้เห็นเฉพาะคนเก่าๆ เท่านั้น
 
อย่างไรก็ตาม Mass Marketing ยังสำคัญ เพราะจำนวนลูกค้าเยอะ ดังนั้นทุกพรรคต้องมีนโยบาย ลด แลก แจก แถม ทุกค่าย ... ถ้าเลือกตั้งช้าอีกสักเดือน นโยบายคงเหมือนกันหมด ...
ใครสนใจลองอ่านบทความข้างล่าง หรือหาหนังสือชื่อ marketing 5.0 ดูครับ